อารมณ์ติดค้างในวัยเด็ก อาจส่งผลต่อพฤติกรรมเมื่อโตขึ้น

พ่อแม่อย่าให้ความหวังดีมากไป จนกลายเป็นความกดดัน

ใคร ๆ ก็ต่างบอกว่าเด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวที่ไม่ว่าคนเป็นพ่อ เป็นแม่ หรือผู้ปกครอง จะแต่งแต้มสีใดลงไป เด็กก็จะจำและทำตามอยู่เสมอ แต่บางครั้งผู้ปกครองก็ลืมคิดไปว่า จริง ๆ แล้วเด็กทุกคนมักเป็นผ้าขาวที่มาพร้อมกับแต้มสีอยู่แล้ว และเด็กแต่ละคนก็จะมีจุดสีที่แตกต่างกัน มีพรสวรรค์ มีความสามารถ รวมไปถึงความชอบที่ต่างกันเสมอ

บางครั้งพ่อแม่ก็ฝากความหวังไว้ที่ลูกอย่างมหาศาล จนเผลอลืมไปว่าจริง ๆ แล้วเด็กก็อยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง มีสิ่งที่อยากทำ ไม่ได้อยากมีกรอบในชีวิต เมื่อลูกไม่เป็นดั่งใจหวัง ท้ายที่สุดพ่อแม่ก็ลงเอยด้วยการ ‘ด่าทอ’ ร้ายไปกว่านั้นอาจถึงขั้น ‘ตบตี’ เพื่อสั่งสอน แล้วคุณทราบหรือไม่ว่าการกระทำเหล่านี้จะสร้างบาดแผลใหญ่ไว้ในใจเด็กตลอดกาล

พ่อแม่อย่าให้ความหวังดีมากไป จนกลายเป็นความกดดัน

อย่าเอาความต้องการของพ่อแม่ มาใส่ไว้ในตัวลูก

ซึ่งความคาดหวังดังกล่าวจะเริ่มต้นมาจากคำว่า เด็กต้องได้รับพัฒนาการตามวัย นั่นเป็นสิ่งที่ดี แต่หากพ่อแม่ตั้งความหวังไว้มากเกินไป ไม่ใช่เพียงแค่เด็กเกิดความกดดัน แต่พ่อแม่ก็เครียดมากเช่นกัน คิดไปต่าง ๆ นานาว่าลูกผิดปกติไม่เหมือนเด็กคนอื่น ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ‘มันไม่มีอะไรเลย’ เมื่อนานวันไปจากความหวังดีเล็ก ๆ ของพ่อแม่ ก็อาจแปรเปลี่ยนไปเป็นความคาดหวังที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อลูกโตขึ้นก็อยากให้ลูกได้เดินตามเส้นทางที่วางเอาไว้ อยากให้ลูกเป็นหมอ มีงานทำที่มั่นคง เรียนหนังสือเก่ง ๆ ฯลฯ ทุกคนทราบดีว่านี่คือความหวังดีที่พ่อแม่มีให้ แต่พ่อแม่เคยหันหลังกลับไปถามเด็กแล้วหรือยัง ว่าจริง ๆ แล้วตัวเขาหรือเธอต้องการจะทำอะไรกันแน่?

อย่าเอาความต้องการของพ่อแม่ มาใส่ไว้ในตัวลูก

แถมบางครั้งพ่อแม่ก็ยังเผลอพูดคำบางอย่างที่ทำให้ติดอยู่ในใจเด็กไปตลอด เช่น ‘แต่งหน้าไม่สวยเลย’ ‘อ้วนแบบนี้ระวังหางานทำไม่ได้’ ‘แต่งตัวอะไร ตลกจัง’ หรือถ้อยคำบูลลี่ต่าง ๆ ที่อยู่ในเชิงหยอกล้อชวนขำ แต่มันกลับทำให้เด็กเป็นปมฝังใจและทำให้เด็กสูญเสียความมั่นใจไปแบบถาวร ซึ่งเราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าบาดแผลทางอารมณ์ ที่อาจส่งผลระยะยาวไปจนถึงการเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งบาดแผลต่าง ๆ มักนำไปสู่การที่เด็กอาจจะเอาไปทำกับคนอื่น ๆ ในอนาคต เพื่อต้องการลบล้างปมภายในใจของตัวเอง

คำพูดไหนที่เด็กอยากได้ยินจากคนในครอบครัวมากที่สุด

คำพูดให้กำลังใจ

• อย่าว่าแต่เด็กเลย แม้แต่ผู้ใหญ่เองก็ยังคงต้องการคำพูดให้กำลังใจเหมือนกัน มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เด็กรู้ประหม่า ไม่กล้าทำในสิ่งที่ไม่ถนัด พ่อแม่ก็ควรให้กำลังใจด้วยคำพูดสั้น ๆ เช่น ลูกทำได้ดีแล้ว, ลูกเหมาะสมกับมันนะ, เก่งจัง, ลูกทำได้ดีทุกครั้งเลย ฯลฯ

คำพูดที่ทำให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่อยู่ข้าง ๆ

• เด็กทุกวัยมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน บางวันอาจจะอารมณ์ดี อารมณ์เสีย หรือมีปัญหาทางด้านร่างกาย ทำให้บางครั้งเด็กอาจตัดสินใจผิดพลาดไปบ้าง พ่อแม่ก็ควรพูดด้วยคำพูดที่ทำให้รู้ว่าพวกเราไม่ได้ทิ้งเขาไปไหน เช่น ทุกคนเคยทำผิดลูกรู้ใช่ไหม, ไม่เป็นไรนะพ่อแม่อยู่นี่แล้ว เป็นต้น

คำพูดไหนที่เด็กอยากได้ยินจากคนในครอบครัวมากที่สุด

พูดให้รู้ว่าเรารักเขามากขนาดไหน

• มีพ่อแม่หลายคนที่ไม่ค่อยจะบอกรักลูก เพราะจะแสดงให้เห็นผ่านการกระทำมากกว่า แต่คุณทราบหรือไม่ว่าจริง ๆ แล้วเด็กทุกคนอยากได้ยินคำบอกรักจากปากของคุณมากกว่าสิ่งไหน ๆ เพราะงั้นอย่าลืมบอกรักลูกบ่อย ๆ นะ

สร้างความมั่นใจให้กับเด็ก

• การสร้างความมั่นใจควรสร้างให้เด็กตั้งแต่เล็ก ๆ และเมื่อเด็กเริ่มโตขึ้นสิ่งหนึ่งที่ตามมาคือเรื่องของการแต่งตัว ลองให้เด็กได้หยิบจับเสื้อผ้าที่ชอบบ้าง แล้วคุณก็คอยสอดส่องและให้กำลังใจในสิ่งที่ลูกชอบ เช่น เสื้อตัวนี้เหมาะกับลูกมากเลย, ลูกชอบใส่เสื้อผ้าแบบนี้ คราวหลังแม่ซื้อมาให้อีกนะ หรือหากคุณคิดว่าชุดนั้น ๆ ไม่เหมาะกับกาลเทศะหรือกิจกรรมเท่าไหร่นัก ก็ลองหยิบเสื้อตัวอื่นให้ลูกลองแล้วบอกว่า ลองใส่ชุดนี้ดูไหม แม่ว่ามันสวยดีเหมือนกันนะ เป็นต้น

หากผู้ปกครองไม่ต้องการให้ลูกรักของเราต้องมีอารมณ์ติดค้าง และไม่มีบาดแผลใหญ่ ๆ ภายในใจ ผู้ปกครองก็ต้องเริ่มจากการเลี้ยงลูกให้อยู่ในความพอดี ไม่กดดัน ไม่ตั้งความหวังไว้สูง ไม่บั่นทอนจิตใจด้วยคำพูด ที่สำคัญหากเด็กทำดีหรือทำสิ่งที่ถูกต้องก็ควรได้รับคำชมเสมอ แต่หากครั้งไหนที่เด็กพลาดขึ้นมาก็ต้องสอนด้วยเหตุผล ว่าเพราะอะไรสิ่ง ๆ นี้ถึงเป็นเรื่องที่ผิด ไม่หยิบอดีตที่เด็กเคยทำพลาดมาย้ำความรู้สึก หากคนเป็นผู้ปกครองทำได้ ในอนาคตเด็กตัวเล็ก ๆ คนนี้ก็จะกลายเป็นคนดี ที่ทำแต่เรื่องดี ๆ ไม่พึ่งพาสิ่งเย้ายวนสล๊อตเว็บตรงไม่ผ่านเอเย่น จนทำให้เสียผู้เสียคนอย่างแน่นอน